ขณะที่ปี 2021 กำลังจะสิ้นสุดลง AscendEX ถือโอกาสย้อนทบทวนถึงความก้าวหน้า การยอมรับและวิวัฒนาการอันน่าตื่นเต้นในตลาดคริปโทในปีที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มคริปโทแบบรวมศูนย์ที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่าง CeFi และ DeFi เราเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญระหว่างธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ กับโปรโตคอล DeFi ซึ่งทำให้เรามีข้อมูลเชิงลึกเฉพาะเกี่ยวกับสภาวะตลาดและแนวโน้ม และต้องการนำเสนอและแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกของเราเกี่ยวกับแนวโน้มสำคัญ ๆ ที่ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดจากมุมมองเฉพาะของเรา รวมถึงสรุปพัฒนาการที่สำคัญและน่าตื่นเต้นที่ AscendEX ในปีที่ผ่านมา

เหตุการณ์สำคัญของตลาด
ในช่วงปีที่ผ่านมาตลาดคริปโทได้ก้าวขึ้นมามี “บทบาทสำคัญ” โดยที่ยังคงเป็นแหล่งรวมผู้สร้างและผู้เริ่มต้นใช้งาน และได้เข้าสู่กระแสหลักในหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้คนได้รู้จักและเข้าใจว่าสินทรัพย์ประเภทใหม่นี้จะยังคงอยู่ต่อไปและมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าคำพูดที่ว่า “ยังไงสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นแน่นอน…” จะเป็นสิ่งที่ผู้คนในตลาดคริปโทล้วนเห็นตรงกัน โดยสะท้อนผ่านเหตุการณ์การเติบโตครั้งสำคัญ เช่น การยอมรับและนำไปใช้ในระดับองค์กร พัฒนาการที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างของเครือข่ายเลเยอร์ที่หนึ่ง (L1) ที่กำลังเติบโต และการรวมเข้ากับแอปพลิเคชัน metaverse

การยอมรับและนำไปใช้ในระดับองค์กร
ด้วยความเข้าใจที่แผ่กระจายเป็นวงกว้างจึงทำให้เกิดกระแสการยอมรับและนำไปใช้ในระดับองค์กร เหล่าผู้ลงทุนในตลาดทุนแบบดั้งเดิมได้ซื้อสินทรัพย์คริปโทที่มีมูลค่าสูง ซึ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทั้งพอร์ตการลงทุนแบบมาโครและพอร์ตการลงทุนในเทคโนโลยี ในทำนองเดียวกัน แนวโน้มของเครื่องมือการลงทุนคริปโทสาธารณะอย่าง ETP และบริษัทต่าง ๆ ที่เพิ่ม Bitcoin เข้าไปในงบดุลก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านนักลงทุนธุรกิจการร่วมลงทุน (Venture Capital) ได้ระดมเงินทุนสูงเป็นประวัติการณ์ เฉพาะในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 นักลงทุน VC ลงทุนประมาณ 8.5 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจสตาร์ตอัปที่เกี่ยวกับคริปโท ซึ่งเป็นมูลค่ารวมรายไตรมาสที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจุบัน VC หลายแห่งมีคริปโทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ในมูลค่าสินทรัพย์ทั้งหมดที่บริษัทบริหารจัดการ (AUM) ซึ่งเป็นแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 โดยมียูนิคอร์นที่เกี่ยวกับคริปโทเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 รายในปีนี้ ครอบคลุมทั้งแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยน บริษัทที่ทำโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทเกม และอื่น ๆ โดยในขณะที่ VC ได้ติดตามลงทุนในความสามารถของนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ผู้ที่มีความสามารถเหล่านั้นก็ติดตามการลงทุนของ VC เช่นเดียวกัน ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเป็นวงจรและการหลั่งไหลเข้าสู่วงการของผู้ที่มีความสามารถทั้งหลายซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรม

 

ก้าวเข้าสู่โลก Multichain
หลังจากช่วงฤดูร้อนของ DeFi ในปี 2020 นวัตกรรมและความตื่นเต้นเกี่ยวกับ DeFi ได้แผ่ขยายออกเป็นวงกว้างซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นบน Ethereum โดยเพียงหนึ่งปีที่แล้ว Ethereum คิดเป็น 97% ของมูลค่าการล็อกทั้งหมด (TVL) ในสกุลเงินดิจิทัล ในช่วงเวลาสั้น ๆ โปรโตคอลที่เพิ่งเริ่มใหม่เหล่านี้ได้เติบโตขึ้นอย่างมาก และยิ่งชัดเจนว่าระบบนิเวศของคริปโทจะถูกครอบครองโดยบล็อกเชนที่ทำงานร่วมกันได้หลายแบบ ปัจจุบันอัตราส่วนของ Ethereum TVL อยู่ที่ประมาณ 65% และแม้ว่าในภาพรวมยังคงมีลักษณะที่แตกต่างกันและกระจัดกระจายกันมากขึ้น สกุลเงินส่วนใหญ่ที่เป็น EVM ทางเลือกรวมถึงบล็อกเชนที่ไม่ใช่ EVM ก็กำลังมีส่วนแบ่งตลาดรวมที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนบล็อกสเปซบน Ethereum นั้นแสดงให้เห็นทางค่าธรรมเนียมหรือค่าแก๊สที่สูงขึ้น รวมถึง Rollup L2 ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับบล็อกสเปซส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากของ L1 ทางเลือกต่าง ๆ เนื่องจากนักลงทุน ผู้ใช้ และนักพัฒนาเริ่มเข้าใจแล้วว่า multichain จะคงอยู่ต่อไปและมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาด้านการขาดโครงสร้างพื้นฐานและทางออกในการทำงานร่วมกัน รวมถึงสิ่งที่ต้องพัฒนาปรับปรุงอีกมากมายเพื่อป้องกันการกระจายตัวของระบบนิเวศต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่ง AscendEX ในฐานะองค์กรที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบล็อกเชน ยังคงรองรับ L1 และระบบนิเวศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องอันเนื่องจากโลก multichain พัฒนาออกมาในแบบเรียลไทม์

(Link to graphic — https://defillama.com/chains, labels/keys can be found dynamically on the website)

สงครามสภาพคล่อง
แม้ว่าความสามารถในการทำงานร่วมกันจะช่วยผสานรวมโลก multichain ให้เป็นสิ่งที่ทำงานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น แต่ L1 และ dApp ต่าง ๆ ก็ยังคงแข่งขันกันเพื่อดึงดูดความสนใจและทรัพย์สินของผู้ใช้ นักพัฒนา และนักลงทุนเป็นหลัก ซึ่งแม้ว่าทุกส่วนจะได้รับประโยชน์จากความสนใจและสินทรัพย์ที่หลั่งไหลเข้ามา แต่ทุกการแข่งขันก็ยังคงมีผู้แพ้เสมอ และเมื่อพลวัตของการแข่งขันเริ่มมีบทบาท สภาพคล่องยังคงเป็นสินค้าที่ร้อนแรงที่สุดสำหรับโปรโตคอลต่าง ๆ โดยแต่ละรายการเสนอสิ่งจูงใจที่สูงกว่าและโดดเด่นกว่าเพื่อดึงดูดสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการรับจ้างสร้างสภาพคล่องของผู้ให้บริการสภาพคล่องของ DeFi แล้ว TVL ยังเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ค่อนข้างแย่ในการประเมินมูลค่าโปรโตคอลแบบเปรียบเทียบ ตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงใน TVL ในแต่ละ L1 สามารถนำมาประกอบกับ "กองทุนระบบนิเวศ" หลายสิบกองทุน (หรือมากกว่า) ที่เปิดตัวโดยกลุ่มนักพัฒนา เช่น Polygon, BSC, Avalanche, Harmony, Fantom และอื่น ๆ ซึ่งมักเกิดขึ้นในลักษณะต่อไปนี้: เครือข่าย L1 หรือ L2 เริ่มระดมทุนและเปิดตัว "กองทุนระบบนิเวศ" ที่ใช้เพื่อให้เงินทุนแก่นักพัฒนาเพื่อสร้างแอปพลิเคชันบนเครือข่ายของตนและให้รางวัลแก่ผู้ใช้ที่ให้สภาพคล่องแก่โปรโตคอล กองทุนระบบนิเวศส่วนใหญ่ทำทั้งสองอย่างเพื่อต่อสู้กับปัญหา "ไก่หรือไข่เกิดก่อนกัน" คือ ทั้งการจัดหาทุนให้กับผู้สร้างและการให้รางวัลแก่ผู้ใช้ โปรโตคอลที่ใช้โปรแกรมการขุดสภาพคล่องเพื่อดึงดูดสภาพคล่องกำลังเรียนรู้ว่าแรงจูงใจทางการเงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างนักเก็งกำไรและผู้ใช้ การอพยพของผู้รับจ้างสร้างสภาพคล่อง (การไหลออกของ TVL) หลังจากสิ้นสุดโปรแกรมการขุดสภาพคล่องได้นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ในการดึงดูดสภาพคล่อง เช่น สภาพคล่องของโปรโตคอล ที่จะกล่าวถึงในรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง (“DeFi 2.0”)

แม้ว่ามูลค่า TVL ได้กลายเป็นตัวชี้วัดยอดนิยมสำหรับการกำหนดมาตรฐานการใช้งานโปรโตคอล DeFi เมื่อเทียบกับระบบนิเวศในวงกว้าง แต่แนวทางนี้มีข้อบกพร่องและข้อจำกัดบางประการ กล่าวคือ TVL เป็นเพียงมูลค่ารวมของหลักประกันที่ฝากไปยังเครือข่ายที่กำหนด (Ethereum หรือ BSC เป็นต้น) หรือแอปพลิเคชัน (Curve หรือ Aave เป็นต้น) เนื่องจากสินทรัพย์หลักประกันนั้นมีการเคลื่อนไหวจากโปรโตคอลหนึ่งไปยังอีกโปรโตคอลหนึ่ง ตลาดเงินของ DeFi จึงมักจะมีสภาพคล่องที่ "นับซ้ำซ้อน" ดังตัวอย่างด้านล่างที่อธิบายโดย CoinMetrics:

●      ผู้ใช้ฝาก Wrapped Ether (WETH) มูลค่า 1,500 ดอลลาร์เข้าไปยัง Maker เพื่อรับเงินกู้ในรูปของ DAI มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ (อัตราส่วนหลักประกัน 150%)

●      จากนั้น ผู้ใช้ฝาก DAI ใหม่นี้ รวมทั้ง USDC มูลค่า 1,000 ดอลลาร์ในพูล Uniswap V2 USDC-DAI ในทางกลับกัน ผู้ใช้จะได้รับโทเคน Liquidity Provider (LP) ซึ่งหมายถึงการสเตกกิ้งมูลค่า $2,000 ของสภาพคล่องของพูลนั้น

●      จากนั้นผู้ใช้สามารถฝากโทเคน LP เหล่านี้ซ้ำอีกครั้งไปยัง Maker เพื่อรับเงินกู้ DAI มูลค่า 1,960 ดอลลาร์เพิ่มอีก (อัตราส่วนหลักประกัน 102%)

อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ความยืดหยุ่นของแอปพลิเคชัน DeFi ส่วนใหญ่ช่วยให้สินทรัพย์สามารถถูกใช้ค้ำประกันซ้ำซ้อนและถูกนับเป็น TVL ซ้ำซ้อนในหลายโปรโตคอลได้ แม้ว่า TVL จะถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการเปรียบเทียบโปรโตคอล ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ความง่ายในการถอนสภาพคล่องที่ค้ำประกันไว้ และความเร็วในการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของ TVL ใน DeFi เมื่อเผชิญกับผลตอบแทนที่ลดลงได้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งนี้ไม่สามารถสื่อถึงภาพรวมทั้งหมดของสภาพคล่องในโปรโตคอล

DeFi 2.0
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เราได้เห็นการเติบโตของ TVL ที่แบนราบในหลาย DeFi 1.0 dApps ที่มีมูลค่าสูง เช่น MakerDAO, Curve, AAVE, Compound และอื่น ๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้คาดว่าการเติบโตจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ แต่เรากำลังคาดการณ์ว่าคลื่นลูกต่อไปของการเติบโตจะมาจากโปรโตคอล DeFi ที่ใหม่กว่าและมีนวัตกรรมมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งเรียกว่า "DeFi 2.0" โดยมีนวัตกรรมโปรโตคอลที่ควบคุมสภาพคล่องเป็นผู้นำคลื่นลูกใหม่ของโปรโตคอล DeFi นี้ โปรโตคอลที่ควบคุมสภาพคล่องหรือ Protocol Controlled Value (PCV) ที่ริเริ่มโดย Fei Protocol ได้เปิดใช้โปรโตคอลเข้ามาแทนการให้ผู้ให้บริการสภาพคล่องแต่ละรายเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ภายในโปรโตคอล PCV ได้เปิดใช้การขายสินทรัพย์ให้กับโปรโตคอลเองแทนที่จะค้ำประกันทรัพย์สินเพื่อกู้ยืม หรือให้เช่าทรัพย์สินเพื่อผลตอบแทน ในปีที่ผ่านมา Olympus DAO ได้กลายเป็นผู้นำแนวหน้าของนวัตกรรมนี้ โดยสร้างแรงจูงใจให้ผู้ใช้ผูกทรัพย์สินของตนไว้กับโปรโตคอลเพื่อแลกรับ OHM ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองที่มีหลักประกันที่ไม่ได้ผูกมูลค่าไว้กับสิ่งใด เนื่องจาก OHM ได้กลายเป็นโปรโตคอล DeFi ที่มีการแตกแขนงมากที่สุดในปัจจุบัน เราจึงจับตามองพื้นที่นี้อย่างใกล้ชิด และที่สำคัญกว่านั้น เรารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่สภาพคล่องที่ผูกมัดเอาไว้ (Bonded Liquidity) จะแพร่กระจายไปยังโครงการคริปโทใหม่และโครงการเดิมที่มีอยู่ เนื่องจากพวกเขาต้องการลดข้อเสียของสภาพคล่องจากผู้รับจ้างสร้างสภาพคล่อง

(Link: https://dune.xyz/queries/153224/303068)

พัฒนาการอื่น ๆ
นอกจากหัวข้อหลักข้างต้นของปี 2021 แล้ว ยังมีการพัฒนาที่สำคัญหลายอย่างที่พวกเรา AscendEX ได้จับตามองอย่างใกล้ชิด ถึงแม้ทุกคนควรได้รับข้อมูลรีวิวเชิงลึกของตัวเอง เราก็ยังต้องการพูดถึงเฉพาะแนวโน้มที่สำคัญโดยสังเขป

Non Fungible Token — แม้ว่ามาตรฐานโทเคน NFT แรก ERC-721 จะถูกสร้างขึ้นในปี 2018 แต่ในปีที่ผ่านมาผู้คนมากมายได้เห็นว่า NFT เป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงหลักสู่ความเป็นเจ้าของในโลกดิจิทัล โดยเริ่มจาก JPEG และรูปภาพโปรไฟล์ และเติบโตอย่างรวดเร็วไปถึงการประยุกต์ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐาน NFT ในปัจจุบันจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ NFT ก็สามารถแทรกซึมเข้าไปในวัฒนธรรมกระแสหลักจนเห็นภาพชัดเจนว่า NFT จะมีตัวตนและบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะเป็นส่วนสำคัญของการสร้างมูลค่าภายในเศรษฐกิจคริปโท

เล่นเพื่อรับเงิน (P2E)/เมตาเวิร์ส — เกม P2E อย่าง Axie Infinity ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างดีเยี่ยม และมีผู้ใช้หลายล้านคน ทำให้พวกเขาได้รับเงินเมื่อเล่นเกม กิลด์การเล่นเกมเช่น Yield Guild Games ได้เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ โดยรวมผู้เล่นที่มีความสามารถและผลตอบแทนเข้าหากัน แม้ว่าเกม P2E ดั้งเดิมของคริปโทนั้นถูกสร้างสรรค์ขึ้นบนพื้นฐานของแรงจูงใจที่เป็นตัวเงิน แต่ก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มที่บริษัทเกมที่ไม่ได้มีพื้นฐานบนคริปโทจะเริ่มสร้างและรวม คริปโทเข้ากับเกมของพวกเขา

Web 3.0 — ในปีที่ผ่านมา คริปโทได้ผ่านการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง โดยกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเนื้อหา Web 3.0 ที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งแสดงถึงการวิวัฒนาการของอินเทอร์เน็ตครั้งต่อไปที่สร้างขึ้นจากแนวคิดเรื่องการกระจายอำนาจ ระบบเปิด การเป็นเจ้าของโดยผู้ใช้และผู้สร้าง และประสานด้วยโทเคน

การอัปเกรดโปรโตคอลที่สำคัญ:
ในปีนี้เราได้เห็นการอัปเกรดครั้งใหญ่สองครั้งของ Bitcoin และ Ethereum หรือที่เรียกว่า Taproot และ The London Hard Fork ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญ

Taproot หรือการอัปเกรดล่าสุดของ Bitcoin เป็นการอัปเกรดที่สำคัญที่สุดในรอบสี่ปี ซึ่งช่วยให้สามารถรวบรวมลายเซ็นและธุรกรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทำให้สามารถตรวจสอบธุรกรรมบนเครือข่ายของ Bitcoin ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น การอัปเกรดยังผสมการทำธุรกรรมด้วยลายเซ็นเดียวและหลายลายเซ็นเข้าด้วยกัน ทำให้ยากต่อการระบุตัวตนการสร้างธุรกรรมบนบล็อกเชนของ Bitcoin[1]

London Hard Fork เป็นการอัปเกรดเป็นบล็อกเชน Ethereum ที่รวมชุดข้อเสนอการปรับปรุง Ethereum (EIPs) ห้ารายการรวมถึง EIP 1559 ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยใช้ระบบผสมของค่าธรรมเนียมพื้นฐานที่กำหนดโดยอัลกอริทึมและทิปเพิ่มเติมเพื่อจูงใจนักขุดตลอดช่วงเวลาที่เครือข่ายมีความแออัดแตกต่างกันให้มีความเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมส่วนหนึ่งจะถูกเผา ซึ่งสร้างกลไกลดสภาพเงินเฟ้อในระบบของ Ethereum

แม้ทั้งเครือข่าย Bitcoin และ Ethereumจะมีขนาด มูลค่า และการกระจายอำนาจที่ใหญ่มหึมา พวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความแข็งแรงยืดหยุ่น โดยที่ยังคงความสามารถในการปรับปรุงและอัปเดตในขณะที่ระบบนิเวศที่กว้างขึ้นยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

โซลูชันการขยายขนาด
นอกเหนือจากการอัปเกรดโปรโตคอลข้างต้นแล้ว โซลูชันการขยายขนาดเพื่อช่วยลดข้อเสียของการทำธุรกรรมทุกรูปแบบบนเครือข่ายได้กลายเป็นหัวข้อสำคัญของปี 2021 Lightning Network ซึ่งเป็นหนึ่งในโซลูชันการขยายขนาดของ Bitcoin ที่ใช้ช่องทาง State เพื่อเปิดใช้งานธุรกรรมให้เกิดขึ้นนอกเครือข่ายบล็อกเชนเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2021 ส่วน Mainnet ที่เปิดตัวในปี 2018 มีจำนวนการนำไปใช้ จำนวนช่องสัญญาณ และความจุของเครือข่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 เช่นกัน โซลูชันการขยายขนาดจำนวนหนึ่งที่ถูกนำไปใช้บน Ethereum แล้ว ได้แก่ โซลูชัน Optimistic Rollups, Zero-knowledge Rollups, Validium และ Plasma และได้ดึงดูด TVL มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Arbitrum หรือ L2 แบบ Optimistic Rollups ยังคงรักษาตำแหน่งสูงสุดไว้ โดยมีมูลค่า TVL มากกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ และส่วนแบ่งการตลาด 41% ส่วนโซลูชันการขยายขนาดของ ZK (Zero-knowledge Rollups) กำลังมีเพิ่มให้เห็นมากขึ้น ปัจจุบันจากโซลูชันการปรับขนาด 10 อันดับแรกที่จัดอันดับด้วย TVL มี 4 อันใช้เทคโนโลยี ZK อีก 4 อันใช้ Optimistic Rollups และ 2 อันที่ใช้ Validium โดยเราคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมระบบนิเวศของคริปโทมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งแบบกระจายอำนาจและแบบรวมศูนย์ เพื่อเข้าร่วมและเริ่มใช้โซลูชันการขยายขนาดเหล่านี้ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการควบรวม Ethereum ที่กำลังจะเกิดขึ้นและการเปลี่ยนไปใช้ ETH 2.0 ด้วยการแบ่งส่วนข้อมูล (Sharding) ในบล็อกเชนพื้นฐาน เราคาดว่าจะเห็นการลดลงของความสำคัญของ ETH L1 เนื่องจาก L1 ทางเลือกยังคงเติบโตและโซลูชัน L2 ที่แย่งชิงการเติบโตของ Ethereum เองด้วย

DAOs (องค์กรอิสระกระจายอำนาจ)
ในขณะที่ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับบทบาทที่แน่นอนของ DAO แต่ก็ชัดเจนว่า DAO จะคงอยู่ต่อไปและกำลังสร้างอนาคตของการทำงานแบบกระจายศูนย์ เครื่องมือ DAO ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม ไม่มีการผสานรวม และในหลายครั้งก็อยู่นอกเครือข่ายบล็อกเชน และตัวอย่างของปัญหาในปัจจุบันที่เด่นชัดคือความไม่ใส่ใจอย่างสุดขั้วของผู้มีสิทธิโหวตทั้งกระดาน พวกเราที่ AscendEX กำลังจับตามองถึงสิ่งที่กำลังจะมาถึงเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ในการโต้ตอบและเข้าร่วมใน DAO โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโมเดลธุรกิจ D2D (DAO-to DAO) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่

เหล่าผู้นำที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์กรและธุรกิจหลักที่ไม่สนใจในคริปโทไปสู่การเปิดรับกระบวนทัศน์ใหม่ทั้งหมด เหล่าผู้นำในวงการเทคโนโลยี การเงิน เกม เพลง และอื่น ๆ ได้เริ่มปรับกลยุทธ์ในการเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนไปใช้ Web 3.0 การพัฒนาต่าง ๆ เช่น การรีแบรนด์ของ Facebook เป็น Meta การเชื่อมต่อระบบคริปโทที่เพิ่มมากขึ้นทั้งใน Fintech และสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม และการตระหนักถึงความสำคัญของเกมเล่นเพื่อรับเงิน (Play to Earn) ในวงการบริษัทเกม ล้วนบ่งชี้ว่าธุรกิจเหล่านี้ได้เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ของตนแล้ว บริษัทเหล่านี้จะต้องจัดการกับปัญหาภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะพวกเขาได้เริ่มทำลายรูปแบบธุรกิจเดิมของตนเอง ส่วนคำถามที่ยังไม่รู้คำตอบก็คือ ใครจะเป็นผู้ประสบความสำเร็จและใครจะเป็นผู้พ่ายแพ้ในการเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจคริปโท

สรุปภาพรวมประจำปี: ไฮไลต์ของ AscendEX
AscendEX เป็นที่รู้จักจากการระดมทุน IEO ที่มีผลงานอยู่ในระดับแนวหน้า AscendEX มุ่งทำภารกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้ในแพลตฟอร์มสามารถเข้าถึงโครงการที่น่าตื่นเต้นที่สุดได้ก่อนใครในระบบนิเวศต่าง ๆ ในแพลตฟอร์มของเราด้วยการประมูลและการลิสต์โครงการต่าง ๆ เข้าแพลตฟอร์ม เช่น Persistence, Bonfida, Oxygen , Jet Protocol และอื่น ๆ โครงการเหล่านี้ที่ระบุไว้ในไฮไลต์ด้านล่างสามารถเข้าถึงสภาพคล่องที่เอื้ออำนวยจากการดำเนินการ IEO กับ AscendEX จึงสามารถกำหนดราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการเหล่านี้ก็ถือเป็นผลงานการคัดเลือกโครงการที่มีประสิทธิภาพสูงของ AscendEX โดยจากประวัติการ IEO ทั้งหมด AscendEX มีค่าเฉลี่ย ROI ปัจจุบันที่ 832% และค่าเฉลี่ย ATH ROI ที่ 4714%

หมายเหตุ: ROI ปัจจุบันคำนวณตามราคาตลาด ณ วันที่ 17 ธ.ค. 2021

AscendEX Earn
หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดที่แพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์สามารถจัดเตรียมให้โครงการที่ถูกลิสต์ขึ้นแพลตฟอร์มได้ คือ การเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของแพลตฟอร์ม (การสเตกกิ้ง การปล่อยกู้และการยืม เป็นต้น) ซึ่งจะช่วยเพิ่มปัจจัยพื้นฐานและมูลค่าเครือข่ายของตัวโครงการ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยยกระดับสถานะโดยรวมและพัฒนาการของโครงการ ในช่วงฤดูร้อนปี 2021 AscendEX ได้เปิดตัวพอร์ทัลสร้างรายได้แบบครบวงจรสำหรับผู้ใช้รายย่อยในการเข้าถึงโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่สูงใน DeFi โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินการกับโปรโตคอล Web 3.0 โดยตรง AscendEX Earn ทำให้ความซับซ้อนของ DeFi เป็นเรื่องง่าย และทำให้ผู้ใช้บนแพลตฟอร์มได้รับประโยชน์แบบไร้รอยต่อจากนวัตกรรมที่น่าสนใจและซับซ้อนที่เกิดขึ้นใน DeFi ในขณะที่แหล่งซื้อขาย DEX เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี AscendEX รู้สึกตื่นเต้นที่ได้สร้างการเชื่อมต่อที่ราบรื่นเข้ากับโครงสร้างพื้นฐาน DEX ซึ่งทำให้เราสามารถนำเสนอจุดเชื่อมต่อที่ครบครันให้ผู้ใช้ AscendEX เข้าถึงระบบนิเวศ DeFi ที่กว้างใหญ่และหลากหลายโครงการใหม่ภายในระบบนิเวศ

ผลงานชิ้นสำคัญของ AscendEX
นอกเหนือจาก IEO ที่น่าตื่นเต้น การลิสต์โครงการหลัก และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แล้ว ระหว่างที่การแลกเปลี่ยนของเรายังคงขยายตัวและเติบโตจนเป็นแพลตฟอร์มเต็มรูปแบบ AscendEX ได้บรรลุเป้าหมายสำคัญหลายประการตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ในเดือนมีนาคม แพลตฟอร์มได้รับการรีแบรนด์เป็น AscendEX จาก BitMax ซึ่งแสดงถึงความทะเยอทะยานของบริษัทและเป้าหมายในการสร้างแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำระดับโลกที่จะเชื่อมโยง CeFi และ DeFi รวมถึงซีกโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ในเดือนพฤศจิกายน AscendEX ประกาศความสำเร็จในการระดมทุน Series B มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Polychain Capital และ Hack VC และยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก Jump Capital และ Alameda Research และหลังจากนั้นก็ได้ฉลองครบรอบ 3 ปีของแพลตฟอร์ม

AscendEX เติบโตอย่างต่อเนื่องจนเป็นผู้ให้บริการทางการเงินสำหรับระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น การสนับสนุนการริเริ่มใหม่ ๆ ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งสิ่งนี้ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งการรองรับการประมูลสล็อต Polkadot การเชื่อมต่อเครือข่ายเลเยอร์สอง และ IEO อีกมากมาย

หมายเหตุเกี่ยวกับการละเมิดความปลอดภัย AscendEX ล่าสุด:
หลังจากเกิดการละเมิดความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน Hot ของ AscendEX (ดู ที่นี่) เราได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อดูแลลูกค้าของเรา บรรเทาความเสียหาย และกลับสู่การดำเนินธุรกิจตามปกติโดยเร็วที่สุด สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การคืนเงินให้ลูกค้า 100% สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ฟังก์ชั่นต่าง ๆ ทั้งการซื้อขาย การสเตกกิ้ง การทำฟาร์มเพื่อผลตอบแทนไม่เคยหยุดชะงัก และเราสามารถเปิดการฝากและถอนเงินได้อีกครั้งอย่างปลอดภัย ตลาดคริปโทมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและร้าย และเราเชื่อว่าช่วงเวลาที่ยากลำบากองค์กรจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาใน เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนที่ล้นหลามจากพันธมิตรและลูกค้าที่ใกล้ชิดของเราซึ่งไม่ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เราทันทีที่เกิดปัญหา เรามองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสที่จะนำไปสู่การเป็นแบบอย่างในการสนับสนุนค่านิยมด้านความโปร่งใส ความยืดหยุ่น และความซื่อสัตย์ ทั้งนี้ เรากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ปี 2022 เรารู้สึหตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจจากผู้ใช้ที่มากขึ้น โดยเรายังเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่องในฐานะแพลตฟอร์มระดับโลก